พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง และยังประโยชน์สุขแต่ชาวอินเดียเรื่อยมาจนกระทั่งประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ร่องรอยการเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนาในอินเดียก็ได้ปรากฏขึ้น อย่างไรก็ตามในยุคการกอบกู้อิสรภาพของอินเดีย พระพุทธศาสนาได้กลับมาเจริญขึ้นในอินเดียอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีบุคคลหลายท่านที่เห็นความสำคัญและคุณค่าของพระพุทธศาสนาที่มีต่อมวลมนุษยชาติ ดังต่อไปนี้ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ชาวอังกฤษในยุคที่อังกฤษปกครองอินเดีย ท่านได้นำให้มีการสำรวจแหล่งโบราณสถานโบราณวัตถุและศิลปกรรมต่างๆ ทางพระพุทธศาสนานับได้ว่าท่านเป็นผู้บุกเบิกการขุดค้นโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาในอินเดีย ทำให้ชาวอินเดียต่างพากันหันมาสนใจมรดกอันเป็นผลผลิตทางความคิด และความเพียรพยายามของชาวอินเดีย ทำให้เกิดการรื้อฟื้นการเรียนรู้พระพุทธศาสนาขึ้นในหมูปัญญาชนชาวอินเดีย เวอร์เอ็ดวินอาร์โนลด์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในด้านวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา ท่านได้เขียนงานพุทธประวัติขึ้น มีชื่อว่า “ประทีปแห่งเอเชีย” (The Light ofAsia) ทำให้เรื่องราวของพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๓๔ อนาคาริก ธรรมปาละ ชาวลังกาผู้มีความศรัทธา และมีความปรารถนามุ่งมั่นในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้ก่อตั้ง “แห่งโพธิสมาคมขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของเหล่าปัญญาชนชาวอินเดียและกัลยาณมิตรชาวต่างชาติผู้มีความและห่วงใยในพระพุทธศาสนา มหาโพธิสมาคมได้กลายเป็นศูนย์กลางการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย โดยการจัดให้มีพิธีกรรม บรรยายธรรม ปาฐกถาธรรม รวมทั้งการออกนิตยสารภาคภาษาอังฤษชื่อว่า “มหาโพธิรีวิว” เพื่อเผยแพร่กิจกรรมและแนวคิดทางพระพุทธศาสนา ในยุคหลังของการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย ได้มีชาวอินเดียที่มีบทบาทสำคัญท่านหนึ่งคือ ดร.เอ็มเบดการ์ เป็นแกนนำชาวอินเดียวรรณศูทรประกาศปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะนับถือพระพุทธศาสนา รวมทั้งผู้นำชาวอินเดียท่านอื่นๆ แม้มิใช่พุทธศาสนนิกชนแต่ก็ให้ความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา ปัจจุบันจึงทำให้ชาวอินเดียประกาศตนนับถือพระพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุนงานพระพุทธศาสนาด้วยการส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและสนับสนุนพุทธศาสนิกชนต่างประเทศในการสร้างวัดขึ้นในอินเดีย เพราะชาวอินเดียโดยทั่วไปต่างระลึกเสมอว่า พระพุทธเจ้าคือบุคคลผู้นำเกียรติภูมิอันสูงส่งมาสู่อินเดีย