ต่อจากนั้น พระองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพระยสะและพวกอีก 54 ท่าน จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ในครั้งนั้นจึงมีพระอรหันต์รวมทั้งพระองค์ด้วยทั้งสิ้น 61 พระองค์ พระพุทธเจ้าจึงพระดำริให้พระสาวกออกประกาศศาสนา จนกระทั่งย่างเข้าพรรษาที่ 45 พระชนมายุ 80 ปี ก็ทรงประชวรและทรงดับขันธปรินิพพานหลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว เหล่าสาวกของพระพุทธเจ้าก็ได้สืบทอดพระพุทธศาสนาติดต่อกันไม่ขาดสาย หลังพุทธปรินิพพาน 100 ปี จึงแตกเป็นนิกายย่อย โดยนิกายที่สำคัญคือ เถรวาทและมหายาน แม้บางครั้งพระพุทธศาสนาจะได้รับความกระทบกระเทือนมัวหมอง มีภัยทั้งภายนอกและภายใน เหล่าสาวกก็ได้ช่วยกันชำระสะสางให้บริสุทธิ์ถูกต้องเป็นแบบแผนเดียวกัน การกระทำเช่นนี้ เรียกว่า “สังคายนาพระธรรมวินัย” ซึ่งกระทำกัน 3 ครั้งในช่วงสามศตวรรษ ครั้นถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธศาสนาก็เริ่มรุ่งเรืองขึ้นเต็มที่จนมีเดียรถีร์เข้ามาปลอมบวชปะปนกับพระสงฆ์หากินอยู่ทั่วไป เป็นเหตุให้พระธรรมวินัยเปลี่ยนไปมาก พระโมคคัลลีบุตรติสเถระจึงรวบรวมพระอรหันต์ทำสังคายนาขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ราว พ.ศ. 235 เมื่อทำสังคายนาเสร็จสิ้นพระเจ้าอโศกมหาราชและพระโมคคัลลีบุตรติสเถระก็จัดพระสมณทูตเป็น 9 สายส่งไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังนี้
สายที่ 1 คณะพระมัชณันติกเถระ ไปรัฐกัศมี-คันธาระ (อัฟกานิสถาน)
สายที่ 2 คณะพระมหาเทวเถระ ไปสหมณฑล (แคว้นไมซอร์)
สายที่ 3 คณะพระรักขิตเถระ ไปวนาสี ( ตอนเหนือเมืองบอมเบย์)
สายที่ 4 คณะพระธัมมรักขิตเถระ ไปอปรันตประเทศ
สายที่ 5 คณะพระมหาธัมมรักขิตเถระ ไปมหารัฏฐะต้นแม่น้ำโคธาวารี
สายที่ 6 คณะพระมหารักขิตตเถระ ไปโยนกประเทศ (ประเทศอิหร่านหรือที่กรีกปกครอง)
สายที่ 7 คณะพระมัชฌิมเถระ ไปเนปาล (เชิงขาหิมาลัย)
สายที่ 8 คณะพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ไปสุวรรณภูมิ
สายที่ 9 คณะพระมหินทเถระ ไปศรีลังกา