พระพุทธศาสนาในประเทศจีน
พระพุทธศาสนาได้เข้าไปเผยแผ่ในประเทศจีนเมื่อประมาณ พ.ศ. 608 ในสมัยของจักรพรรดิฮั่นเม่งเต้ แห่งราชวงศ์ฮั่น พระองค์ทรงส่งขณะทูตไปสืบทอดพระพุทธศาสนาในอินเดีย ขณะทูตชุดนี้ได้เดินทางกลับไปประเทศจีนพร้อมด้วยพระภิกษุ 2 รูป คือ พระกาศยปมาตังคะ และพระธรรมรักษ์ รวมทั้งคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาอีกส่วนหนึ่ง จักรพรรดิฮั่นเม่งเต้ ทรงให้สร้างวัดแป๊ะเบ๊ยี่(แปลว่าวัดม้าขาวเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ม้าที่บันทึกพระคัมภีร์ที่นคร ลั่วหยาง ให้เป็นที่อยู่ของพระทั้งสองรูปนั้น หลังจากนั้น พระกาศยปมาตังคะ และพระธรรมรักษ์ได้แปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีนเล่มแรก เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่แระเทศจีนนั้นชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงนับถือลัทธิขงจื๊อ และลักธิเต๋า ต่อมาโม่วจื๊อ นักปราชญ์ผู้มีความสามารถและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้เสดงหลักธรรมของพระพุทธศาสนาให้ชาวเมืองได้เห็นถึงความจริงแท้อันลึกซึ้งของพระพุทธศาสนา ทำให้ชาวจีนเกิดความเลื่อมใสมีการสร้างวัดวาอารามและแปลพระสูตรเป็นภาษาจีน พระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น สมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450) พระพุทธศาสนาเจริญสูงสุดเพราะได้รับการสนับสนุน จากจักรพรรดิตลอดจนนักปราชญ์ราชบัณฑิตต่างๆ มีการสร้างวัดขึ้นหลายแห่งและมีการแปลพระสูตร จากภาษาบาลีเป็นภาษาจีนมากมาย พระพุทธศาสนาเริ่มเสื่อมลงเมื่อพระเจ้าบู๊จงขึ้นปกครองประเทศเพราะทรงเลื่อมใสในลัทธิเต๋า พระพุทธศาสนาได้รับการอุปถัมภ์ จากราชสำนักก็เริ่มเสื่อมลงตั้งแต่บัดนั้น เมื่อประเทศจีนได้เปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐใน พ.ศ.2455 พระพุทธศาสนาถูกปล่อยปละละเลยและเสื่อมลงตามลำดับ ต่อมา (พ.ศ.2465) มีพระภิกษุจีนชื่อ ไท้สู ได้เป็นกำลังสำคัญในการกอบกู้พระพุทธศาสนาเริ่มด้วยการตั้งวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นที่ วูซัน เอ้หมิง เสฉวน และ หลิ่งนาน เพื่อฝึกผู้นำทางพรพุทธศาสนา ให้มีความรู้ทางพระธรรมวินัยและวิชาการทางโลกสมัยใหม่ นำมาเผยแผ่ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมจนผู้คมเริ่มเลื่อมใสมากขึ้น จนได้ตั้งพุทธสมาคมแห่งประเทศจีนขึ้นความพยายามของพระอาจารย์ ไท้สู ทำให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจในพระพุทธศาสนาดีขึ้นทางราชการได้ออกคำสั่งพิทักษ์ ทรัพย์สินชองวัดห้ามนำไปใช้ในกิจการอื่น ในพ.ศ. 2492 จีนปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ รัฐบาลได้ยึดวัด เป็นของราชการ ห้ามประกอบศาสนกิจต่างๆ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นความผิดกฎหมายพระภิกษุถูกบังคับให้ลาสิกขา พระคัมภีร์ต่างๆ ถูกเผาพระพุทธรูปและวัดถูกทำลายไปเป็นอันมากทำให้พระพุธศาสนาเกือบสูญสิ้นไปจากประเทศจีน ต่อมารัฐบาลชุดใหม่ชองจีน(พ.ศ.2519) คลายความเข้มงวดลงบ้างและให้เสรีภาพในการนับถือศาสนามากขึ้น
การนับถือศาสนาในประเทศจีน
พระพุทธศาสนาในประเทศจีนเป็นฝ่ายมหายานชาวจีนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาควบคู่กับลัทธิขงจื๊อและเต๋า รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน จักตั้งพุทธสมาคมแห่งประเทศจีนและสภาการศึกษาพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจีน ขึ้นในกรุงปักกิ่ง เพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนากับประเทศต่างๆ ทั่วโลก

โรงเรียนหนองไผ่
700 หมู่ 6 ต.หนองไผ่
อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
ผู้จัดทำ
1.เด็กชาย ภาคิน กาสา เลขที่ 3
2.นาย อดิศักดิ์ พรหมมาศ เลขที่ 19
3.เด็กหญิง ญาณิศา พรังเดช เลขที่ 20
4.นางสาว นีรชา สารีคำ เลขที่ 22
5.เด็กหญิง สุพิชญา คำบัวโครต เลขที่ 30
6.นางสาว ปนัดดา ผุดผ่อง เลขที่ 31
7.นางสาว สุภาพร สุขประเสริฐ เลขที่ 32

8.เด็กหญิง สุชานันท์ หาญละคร เลขที่39
9.เด็กหญิง นิมิตตา ตัดใจ เลขที่ 40
10.เด็กหญิง ธนภรณ์ เชื้อนาค เลขที่41
11.เด็กหญิง เนตรขวัญ สุดไพศาล เลขที่42