รายการหลัก
หน้าหลัก การเผยแผ่ศาสนาในประเทศศรีลังกา การเผยแผ่ธศาสนาในประเทศจีน การเผยแผ่ศาสนาในประเทศเกาหลี การเผยแผ่ศาสนาในประเทศญี่ปุ่น การเผยแผ่ศาสนาในประเทศทิเบต การเผยแผ่ศาสนาในประเทศเนปาล การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่สหรัฐอเมริกา การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่ประเทศอังกฤษ การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่ประเทศเยอรมัน การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่ทวีปออสเตรเลีย การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่อินเดีย การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่ลาว การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่เมียนมา(พม่า) การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่เวียตนาม การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่อินโดนีเซีย การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่สิงคโปร์ การเผยแผ่ศาสนาเข้าสู่อินโดนีเซีย ผู้จัดทำ อ้างอิง

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลี


พระพุทธศาสนาเริ่มเผยแผ่เข้าสู่ประเทศเกาหลีเมื่อ พ.ศ.915 โดยสมณทูตซุนเตา เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรโกคุริโอ คือประเทศเกาหลีในปัจจุบัน พ.ศ.1935 พระพุทธศาสนาเริ่มเสื่อมลงเมื่อราชวงศ์โซซอน ขึ้นมามีอำนาจ ราชวงศ์นี้เชิดชูลัทธิขงจื้อให้เป็นศาสนาประจำชาติ พ.ศ.2453 ประเทศเกาหลีได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ราชวงศ์เกาหลีสิ้นสุดลง ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาได้เข้ายึดเกาหลีจากญี่ปุ่น เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ ทางตอนเหนืออยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของสหภาพโซเวียต มีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ทางตอนใต้อยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐอเมริกา มีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐเกาหลี พระพุทธศาสนาในเกาหลีเหนือไม่สามารถที่จะรู้สถานการณ์ได้ เพราะเกาหลีเหนือปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ส่วนเกาหลีใต้ได้มีมีการฟื้นฟูขึ้น ได้ยกเลิกข้อบังคับสมัยที่ญี่ปุ่นยึดครองมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลี คือ มหาวิทยาลัยดงกุก ในปี พ.ศ.2507 คณะสงฆ์เกาหลีใต้ได้จัดตั้งโครงการแปลและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับเกาหลีขึ้นเรียกว่า ศูนย์แปลพระไตรปิฎกเกาหลี ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยดงกุก ประชาชนในเกาหลีใต้นับถือพระพุทธศาสนานิกายเซนผสมกับความเชื่อในพระอมิตาภพุทธะ และ พระศรีอารยเมตไตรย หรือพระเมตตรัยโพธิสัตว์พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศเกาหลีเมื่อ พ.ศ. ๙๑๕ โดยสมณทูตซุนเตา เดินทางจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรโกคุริโอ คือ ประเทศเกาหลีในปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้ขยายเข้ามาในเกาหลีอย่างรวดเร็วเพียงระยะเวลา ๒๐ ปี ก็มีการสร้างวัดขึ้นมากมาย เฉพาะเมืองหลวงแห่งเดียว ๙ วัด ประเทศเกาหลีในสมัยก่อนนั้นประกอบด้วย ๓ อาณาจักรคือ โกคุริโอ ปีกเช และซิลลา แต่ผู้นำทั้ง ๓ อาณาจักรก็นับถือพระพุทธศาสนาและให้การสนับสนุนกิจการต่างๆ อันที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเสมอ และที่สำคัญได้ทรงถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติเพราะคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ส่งเสริม และให้การศึกษาแก่ประชาชนและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน พร้อมทั้งสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติพระพุทธศาสนาจึงมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดมา ครั้นถึง พ.ศ. ๑๙๓๕ พระพุทธศาสนาในเกาหลีก็เริ่มเสื่อมลง เมื่อราชวงศ์โซซอนขึ้นมามีอำนาจราชวงศ์นี้ได้เชิดชูลัทธิขงจื้อให้เป็นศาสนาประจำชาติ จึงทำการกดขี่ผู้นับถือพระพุทธศาสนา จนทำให้พระสงฆ์ต้องหนีออกไปอยู่อย่างสงบตามชนบทและป่าเขา พ.ศ.๒๔๕๓ ประเทศเกาหลีได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นราชวงศ์เกาหลีสิ้นสุดลง เมื่อญี่ปุ่นเข้าปกครองเกาหลีก็ได้ออกกฎข้อบังคับควบคุมวัดวาอารามต่างๆ และพยายามก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่คณะสงฆ์ เช่น ส่งเสริมให้พระสงฆ์มีครอบครัวได้และดำรงชีวิตเหมือนฆราวาส จุดประสงค์ก็เพื่อทำลายพระพุทธศาสนา ตอนปลายสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพสหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาได้เข้ายึดเกาหลีจากญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๘ เกาหลีจึงถูกแบ่งออกเป็น ๒ ประเทศที่เส้นขนานที่ ๓๘ องศาเหนือกล่าวคือ ทางตอนเหนืออยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของสหภาพโซเวียต มีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ทางตอนใต้อยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐอเมริกา มีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เมื่อเกาหลีพ้นจากการปกครองของญี่ปุ่นแล้ว ชาวพุทธทั้งหลายในเกาหลี โดยเฉพาะพระสงฆ์ได้มีการเคลื่อนไหว โดยการประชุมใหญ่แล้วลงมติให้รัฐบาลยกเลิกข้อบังคับต่างๆ ที่ขัดแย้งกับหลักพระพุทธศาสนาซึ่งตราขึ้นในสมัยที่ญี่ปุ่นยึดครอง พร้อมทั้งให้คณะสงฆ์มีการปกครองตนเอง โดยมีสำนักงานอยู่ในนครหลวงและจังหวัดต่างๆ ให้มีสภาบริหารตนเองซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานใหญ่และได้มีการจัดประชุมเพื่อตราธรรมนูญปกครองคณะสงฆ์ขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลีในปัจจุบัน พระพุทธศานาในเกาหลีเหนือนั้นไม่สามารถที่จะรู้สถานการณ์ได้เพราะเกาหลีเหนือปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่สนับสนุนพระพุทธศาสนาดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองในเกาหลีใต้มากกว่า ในปัจจุบันคณะสงฆ์ในประเทศเกาหลีถือว่าเป็นคณะสงฆ์ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ต่างๆ อยู่เสมอเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนานั่นเองกิจการที่พระสงฆ์เกาหลีใต้สนใจ และทำกันอย่างเข้มแข็งจริงจังที่สุดคือ การศึกษาซึ่งเรื่องนี้เป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในด้านการศึกษา นอกจากจะมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำหรับสอนพระภิกษุ ภิกษุณี สามเณรและสามเณรี (สตรีที่จะบวชเป็นภิกษุณี)แล้ว คณะสง์เกาหลีใต้ยังมีสถานศึกษาฝ่ายสามัญระดับต่างๆที่เปิดรับนักเรียนชายหญิงโดยทั่วไปด้วย ซึ่งสถาบันเหล่านี้มีคฤหัสถ์(บุคคลทั่วไป) เป็นผู้บริหารแต่อยู่ในความควบคุมดูแลของคณะกรรมาธิการฝ่ายการศึกษาของคณะสงฆ์ สถานศึกษาเหล่ายี้แยกประเภทได้ดังนี้

โรงเรียนหนองไผ่
700 หมู่ 6 ต.หนองไผ่
อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
ผู้จัดทำ
1. ด.ช.ศุภชัย อ่อนศรี ม.3/4 เลขที่ 8
2. ด.ช.วายุภักษ์ โชติธนศักดา ม.3/4 เลขที่ 14
3. ด.ช.ไกรวี จันทะนา ม.3/4 เลขที่ 6
4. ด.ช.ฐาปกรณ์ บุญมา ม.3/4 เลขที่ 17
5. ด.ช.ระพีพัฒน์ พึ่งตาล ม.3/4 เลขที่ 18
6. ด.ช.พัชรดนัย ก้อนเทียน ม.3/4 เลขที่ 19
7. ด.ญ.พิยดา วังคีรี ม.3/4 เลขที่ 24
8. ด.ญ.สุธาทิพบ์ กุลน้อย ม.3/4 เลขที่ 32
9. ด.ญ.มุธิตา สารพล ม.3/4 เลขที่ 37
10. ด.ญ.รัติกาล บุมี ม.3/4 เลขที่ 41