การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศจีน
พระพุทธศาสนาได้เข้ามาเผยแผ่ยังจีน
การนับถีอศาสนาในประเทศเนปาล
แม้บางช ่วงบางตอน พระพุทธศาสนาเกือบสูญหายไปจากประเทศเนปาล แต ่ก็มีบุคคลที่มี
ความตั้งใจจริงในการกอบกู้พระพุทธศาสนา เพื่อให้พระพุทธศาสนาคงอยู่ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดน
ประสูติของพระพุทธเจ้า บุคคลที่เป็นกำลังสำคัญคือ คณะธรรมทูตเนปาล ใน พ.ศ. 2487 ได้มีการขับไล่ภิกษุและพุท พระพุทธศาสนาได้เข้าไปเผยแผ่ใน
ประเทศจีนเมื่อประมาณพุทธศักราช 60 ในสมัยของพระจักรพรรดิเม่งเต้แห่งราชวงค์ฮั่น พระองค์ทรง
ส่งคณะทูตไปสืบพระพุทธศาสนาในอินเดียคณะทูตชุดนี้ได้เดินทางกลับประเทศจีน พร้อมด้วยพระภิกษุ
2 รูป คือพระกาศยปมาตังคะ และพระธรรมรักษ์รวมทั้งคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาอีกส่วนหนึ่งพระเจ้าเม่งเต้ทรงสั่งให้สร้างวัดแป๊ะเบ๊ยี่ (แปลว่า วัดม้าขาว
เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ม้าที่บรรทุกพระคัมภีร์) ที่นครโลยาง
ให้เป็นที่อยู่ของพระทั้ง 2 รูปนั้น หลังจากนั้น วัดแป๊ะเบ๊ยี่ หรือวัดม้าขาว ประเทศจีน
พระกาศยปมาตังตะกับพระธรรมรักษ์ได้แปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีนเล่มแรก
เมื่อพระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศจีนนั้น ชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงนับถือลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า
ต่อมาโม่วจื๊อ นักปราชญ์ผู้มีความสามารถและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้แสดงหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
ให้ชาวเมืองได้ เห็นถึงความจริงแท้อันลึกซึ้งของพระพุทธศาสนา ทำาให้ชาวจีนเกิดความเลื่อมใส มีการสร้าง
วัดวาอาราม และแปลพระสูตรเป็นภาษาจีน พระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น
สมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161–พ.ศ.1450) พระพุทธศาสนาเจริญสูงสุด เพราะได้รับการสนับสนุน
จากพระเจ้าจักรพรรดิตลอดจนนักปราชญ์ราชบัณฑิตต่าง ๆ มีการสร้างวัดขึ้นหลายแห่ง และมีการแปลพระสูตรธศาสนิกชนออกจากเนปาลชาวพุทธในเนปาลได้ร่วมประชุมกันจัดตั้งธรรมโมทัยสภาขึ้นด้วยจุดประสงค์
การนับถือพระพุทธศาสนาในจีน
พระพุทธศาสนาในประเทศจีนเป็นฝ่ายมหายาน ชาวจีนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาควบคู่กับ
ลัทธิขงจื๊อและเต๋า รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนจัดตั้งพุทธสมาคมแห่งประเทศจีน และสภาการศึกษาพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนขึ้นในกรุงปัเพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนากับประเทศต่างๆ ทั่วโลกกกิ่ง