จากหลักฐานในพระคัมภีร์ที่สำคัญยิ่งของพระพุทธศาสนา (พระไตรปิฎก) เป็นที่ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จไปยังลุมพินี กรุงกบิลพัสดุ์และเทวะทะหะ นอกจากเมืองพุทธมารดาและพุทธบิดา ชาวเนปาลยังเชื่ออีกด้วยว่าพระพุทธองค์ได้เคยเสด็จมายังเมืองกานติปุระ หรือ ก็คือกาฐมาณฑุในปัจจุบัน ตามตำนานทางมหายานกล่าวไว้ว่า พระพุทธองค์ได้เคยเสด็จมายังพระสถูปสวยัมภูอันเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองเนปาล
พระเจ้าอโศกนอกจากมาทำนุบำรุงศาสนาสถานแล้วพระองค์ยังได้แต่งให้มีพระสมณทูตเข้ามาเผยแพร่พระธรรมของพระพุทธเจ้าด้วย พระเถระที่พระองค์ส่งมาได้แก่ พระมัชฌิมาแถระมายังหิมวันตะประเทศ ซึ่งสันนิษฐานว่าคือเนปาลในปัจจุบัน ประเทศเนปาลทำการค้าขายกับชมพูทวีปมานานแล้วโดยเฉพาะกับแคว้นมคธ ซึ่งเป็นแคว้นของพระผู้เป็นอัยกาเจ้าของพระเจ้าอโศกมหาราช การที่ได้พบผอบบรรจุพระอรหันตธาตุสาญจี (อินเดีย) มีจารึกไว้ว่าพระอรหันตธาตุของพระอาจารย์แห่งชาวหิมวันตะประเทศ และในผอบอีกชั้นหนึ่งมีจารึกคำว่ามัชณิม ย่อมเป็นหลักฐานแสดงว่า การแผยแพร่พุทธศาสนาของพระธรรมทูตมัชฌิมาได้มาถึงที่เนปาลและได้มีการสร้างเจดีย์เก็บอัฐิของท่านไว้ในเนปาล แสดงให้เห็นว่ามีการเข้ามาของพุทธเถรวาทในละแวกนี้
นอกจากนั้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2551 คณะระดับสูงจากกระทรวงการต่างประเทศซึ่งมี ดร. สุรเกียรติ เสถียรไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางมาทำพิธีทอดผ้าพระกฐินพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประเทศเนปาล นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายยังวัดพุทธเถรวาทในประเทศเนปาล ในวันนั้นมีชาวบ้านเนวาร์ประมาณ 500 คนเข้าร่วมงาน รวมถึงมีแขกผู้มีเกียรติระดับสูงและนักข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ มาถ่ายทำข่าวพิธีในวันนั้นอย่างหนาแน่น พิธีดำเนินไปได้อย่างราบรื่นสวยงามและสมพระเกียรติฯ เป็นอย่างยิ่ง และพิธีในครั้งนั้นได้สร้างความประทับใจให้แก่ชาวพุทธ