เมื่อ พ.ศ. ๒๒๙๔ สามเณรผู้ใหญ่ชื่อสามเณรสรณังกร ได้ทูลขอให้พระเจ้ากิตติราชสิงหะ แห่งแคนดี้ (เมืองหลวงสุดท้ายของยุคกษัตริย์โบราณของศรีลังกา เป็นเมืองที่ตั้งของวัดพระเขี้ยวแก้ว ในปัจจุบัน) กษัตริย์ลังกาในขณะนั้น ให้ส่งทูตมาขอนิมนต์พระสงฆ์จากเมืองไทย (กรุงศรีอยุธยา)
ไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป สมัยนั้นตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ครองราชย์ พ.ศ.๒๒๗๕ - ๒๓๐๑) แห่งอาณาจักรอยุธยา พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงได้ส่งพระสมณทูตไทยจำนวน ๑๐ รูป มีพระอุบาลีเถระ เป็นหัวหน้า เดินทางมายังประเทศลังกา
มาทำการบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวลังกาถึง ๓,๐๐๐ คน ณ เมืองแคนดี้ สามเณรสรณังกรซึ่งได้รับการอุปสมบทในครั้งนี้ ได้รับการสถาปนาจากกษัตริย์ลังกาให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช จึงได้เกิดคณะสงฆ์นิกายสยามวงศ์ หรือนิกายสยามวงศ์/อุบาลีวงศ์ ขึ้นในลังกา ต่อมาพระอุบาลีเถระเกิดอาพาธและได้มรณภาพในลังกาในเวลาต่อมา
ในสมัยเดียวกันนั้นได้มีสามเณรคณะหนึ่งเดินทางไปขอรับการอุปสมบทในประเทศพม่า แล้วกลับมาตั้งนิกายอมรปุรนิกาย ขึ้น อีกคณะหนึ่งได้เดินทางไปขออุปสมบทจากคณะสงฆ์เมืองมอญ กลับมาตั้งนิกายรามัญนิกาย ขึ้น ในสมัยนี้ได้มีนิกายเกิดขึ้นในลังกา ๓ นิกาย คือ ๑.นิกายสยามวงศ์ หรืออุบาลีวงศ์ ๒.นิกายอมรปุรนิกาย และ ๓.นิกายรามัญ นิกายทั้ง ๓ นี้ ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน