ก่อนการเข้ามาของพระพุทธศาสนา ชาวเกาหลีนับถือศาสนาซามานอยู่ก่อน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๙๑๕ จีนก็ได้ส่งสมณทูตชื่อว่า “ซุนเตา” เข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักโคคูเรียวบนคาบสมุทรเกาหลี และใน พ.ศ. ๙๒๕ พระภิกษุชาวอินเดียชื่อ มาลานันทะ ได้จารึกผ่านประเทศเกาหลีพร้อมกับเผยแผ่พระพุทธศาสนาประกอบดับอิทธิพลความเชื่อของจีนที่มีต่อเกาหนีจึงทำให้ชาวเกาหลีเริ่มหันมาสนใจและยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในเกาหลีระยะหนึ่ง จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๔ จึงได้เสื่อมโทรมลงภายหลังจากราชวงศ์ยี่เข้ามามีอำนาจและสนับสนุนให้ลัทธิขงจื้อเป็นศาสนาประจำชาติและได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งในพุทธศตวรรษที่ ๑๖ เป็นต้นมา มีการสร้างวัดและพระพุทธรูปอย่างแพร่หลาย รวมทั้งได้แปลพระไตรปิฎกจากภาษาบาลีเป็นภาษาเกาหลีแล้วจารึกลงบนแผ่นไม้ แผ่นหินและพิมพ์เป็นหนังสือจำนวน ๕,๐๔๘ เล่ม รวมเรียกว่า พระไตรปิฏกฉบับสูง ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๓ – ๒๔๖๑ เกาหลีตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น พุทธศาสนิกชนเกาหลีและญี่ปุ่นได้ร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในเกาหลีให้เจริญรุ่งเรือง โดยจัดกิจกรรมทางพระพุทธสาสนาขึ้น เช่นการออกวารสารทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติธรรม เป็นต้น แต่เมื่อญี่ปุ่นถอนตัวออกไปประกอบกับปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้พระพุทธศาสนาเสื่อมลงอีกครั้งจนถึงยุคการเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง พ.ศ. ๒๔๙๑ เกาหลีถูกแบ่งออกเป็น ๒ ประเทศ คือ เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จากระบอบการปกครองที่ต่างกันทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเฉพาะในประเทศเกาหลีใต้ ปัจจุบันมีพุทธศาสนานิกชนชาวเกาหลีได้ประมาณ ๓๐ ล้านส่วนมากนับถือพระพุทธศาสนานิกายเชนผสมกับความเชื่อในพระอมิตาพุทธและศรีอาริยเมตไตรย์ มีการจัดตั้งพุทธสมาคมขึ้นหลายแห่ง เพื่อให้เป็นหน่วยงานกลางในการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่จัดตั้งขึ้นอยู่ในความควบคุมดูแลของกระทรวงศึกษาธิกา