พระพุทธศาสนาที่เข้าไปทิเบตนั้นเป็นนิกายตันตระ ซึ่งเจริญรุ่งเรืองในอินเดียภาคเหนือ เป็นศาสนาที่เจือปนกับพราหมณ์นิกายที่บูชาพระศิวะ แล้วได้แผ่เข้าไปตั้งมั่นในทิเบตเป็นครั้งแรก ต่อมาได้มีการติดต่อกันที่สำคัญ ๆ อีกหลายครั้งระหว่างอินเดียกับทิเบตพระพุทธศาสนาที่เข้าไปสู่ทิเบตนั้น เป็นพระพุทธศาสนาบางส่วน นอกนั้นเป็นเรื่องผีและเทวดา เวทมนตร์ กลมกลืนกันดีกับที่ชาวทิเบตนับถืออยู่เดิม สมัยแรก พระเจ้าสรวงเจ็นคัมโป เป็นประมุขที่ทรงวางรากฐานพระพุทธศาสนาในทิเบต โดยอาศัยแรงหนุนของพระมเหสีที่เป็นราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีน และเนปาลซึ่งเป็นผู้เลือมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่ก่อนแล้ว ทำให้พระเจ้าสรวง เจ็นคัมโป นับถือพระพุทธศาสนาทรงสร้างอารามขึ้น สมัยต่อมาอีกประมาณ ๑๐๐ ปีเศษ พระเจ้าแผ่นดินทิเบตได้นิมนต์ท่านปัทมภพ (บางแห่งเรียก ปทุมสมภพหรือคุรุปัทมสมภพ) พร้อมกับคณะไปทิเบต และได้แปลคัมภีร์เป็นภาษาทิเบตแต่ก็มีบุคคลคณะหนึ่งเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมนับถือลัทธิเดิมของทิเบตคอยขัดขวางอยู่ สมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของนิกายลามะและได้แผ่ขยายไปทั่วทิเบตในสมัยหลังสุดนี้ สมัยนี้ได้เริ่มต้นประมาณ พ.ศ. ๑๕๑๘ พระภิกษุมหายานรูปหนึ่งเป็นชาวอินเดียชื่ออติศะ เดินทางจากอินเดียไปทิเบต ได้ปรับปรุงพระศาสนานิกายนี้อย่างใหญ่หลวง ได้ตั้งนิกายลามะใหม่อีกนิกายหนึ่ง ชื่อ เกาลุกปะ สร้างวัดนิกายนี้อีกมาก ต่อมามีพระในนิกายนี้มีชื่อเสียงอีกหลายองค์ เป็นกำลังสำคัญในการประกาศศาสนานิกายเกาลุกปะ เป็นนิกายใหญ่ที่มีคนนับถือมาก ลามะที่มีชื่อเสียงล้วนอยู่ในนิกายนี้
พระพุทธศาสนาที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน เป็นพระพุทธศาสนาแบบตันตระ มีนิกายหลัก 4 นิกายคือ 1. นิกายเนียงม่า (นิกายแดง) 2. นิกายเกลุก (นิกายเหลือง) 3. นิกายการ์จู (นิกายขาว) 4. นิกายศากยะ นิกายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ นิกายเกลุก (นิกายเหลือง) พระพุทธศาสนาในทิเบตที่นับถือในปัจจุบันคือ พุทธตันตระ แม้จะมีหลากหลายนิกาย แต่หลักปริยัติและปฏิบัติโดยภาพรวมใช้หลักการเดียวกัน การปฏิบัติโยคะ การสาธยายมันตระ การปฏิบัติโดยเน้นหลักปรัชญาและกรุณาเป็นสำคัญ ปรากฏให้เห็นในทุกนิกาย สิ้นสุดการสนทนาผ่านแชท พิมพ์ข้อความ...