
ก็ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า ผมเองไม่ใช่คนที่เก่งอะไรมาก ไม่ได้เรียนสายตรงในเรื่องของการเงินการลงทุน BLOG นี้เป็นเพียงการเอาประสบการณ์จากการที่เคยลงทุน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ การให้คำปรึกษากับเพื่อนครู ยุยง ส่งเสริมให้ครูเขาลงทุน วางแผนภาษีตลอดระยะเวลาที่รับราชการมา รวมถึงการวางแผนภาษีในแต่ละปีของผม ซึ่งก็อาจจะไม่ได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ขอให้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ อ้อและผมขอออกตัวไว้อีกเรื่องคือ ผมเองก็ไม่ได้เก่งภาษาไทยมากจากไหนมากนักอาจจะมีคำที่พิมพ์ผิด พิมพ์ถูก อ่านแล้วหลอนๆ บาง ว่ามันควรใช้คำนี้มาเขียนจริง ๆ เหรอ ก็ขอให้มองๆ ผ่านไปบ้างนะครับ ผมเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือเป็นพวกเขียนโปรแกรมนั้นแหละครับ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นพวกที่พูดภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่อง ชอบคุยแต่กับคอมพิวเตอร์ แต่ก็จะพยายามเขียนให้ถูกต้อง อ่านเข้าใจง่ายที่สุดละกัน หากมีเรื่องใดที่เขียนไปแล้วผิดไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าใจของผมคนเดียว
เกริ่นนำมาเยอะละ ก็ขอเล่าประสบการณ์การลงทุนก่อนละกันนะครับ (ทนอ่านหน่อยนะครับ ยาวหน่อย คนเขียนแก่ละ ความจำอาจจะเลอะเลือนไปบ้าง)
ถ้าย้อนกลับไปในตอนเด็กๆ เอาจริง ๆ ก็ไม่เคยรู้เรื่องของการลงทุนอะไรเลย แต่ข้อดีคือมีธนาคารอยู่ใกล้บ้าน พนักงานธนาคารก็จะมากินข้าว นั่งคุยกันที่ร้านของแม่ผมเป็นประจำ มีไปส่งก๋วยเตี๋ยว ส่งข้าว เก็บจานที่ธนาคาร โดยสามารถเข้าทางหลังธนาคารได้เลย พอสนิทกันมาก ๆ พนักงานก็เชิญชวนครอบครัวของผม ลงทุนในกองทุน (กองทุนดอกบัว : ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่ายังมีอยู่ไหม ไม่ได้ตามเลย เดาได้ไหมว่าเป็นธนาคารอะไร) แต่ด้วยความที่ว่าพ่อกับแม่ของผมน่ะค่อนข้างหัวโบราณนิดนึง เชื่อในเรื่องของเงินฝากมากกว่า ก็เลยเน้นได้เงินมา พ่อเป็นคนเก็บนับ และเอาเข้าธนาคารอย่างเดียวเลย ก็ไม่ได้อะไรมากพ่อผมก็ฝากอย่างเดียวเลย บัญชีเป็นแบบฝากประจำสามเดือน ซึ่งตอนนี้ก็ต้องว่า ในตอนนั้นได้ดอกเบี้ยสูงมากกกกกกก แบบตัวเลขสองหลักกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าในปัจจุบันถ้ามีดอกเบี้ยแบบนี้ ผมจะไม่ทำอะไรละ เน้นฝากอย่างเดียว ก็สบายละ
สำหรับผมเองเหรอตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ เน้นทำงานรับพิมพ์งาน ปริ้นงาน หาของมาขาย รับเขียน CD CAI ซีดีเพลงบ้าง หนังบ้างไปตามเรื่องตามราว แต่มีอยู่ช่วงนึงที่เริ่มหารายได้จาก Internet จำได้ว่าตอนนั้น Internet ยังราคาแพงอยู่มากก็หารายได้จาก Pay per Click หารายได้จากHIP (เมื่อก่อนจะมีการลงทุนที่เขาจะเปิดกันในเว็บต่างประเทศ โดยการลงทุนผ่าน e-gold แบบระดมทุน ระดมทุนได้แล้วก็จะเอาเงินจากการที่เขาเอาไปทำอะไรสักอย่างมาปันผลให้กับคนที่เขาลงทุนไว้ ซึ่งเมื่อก่อนฮิต ก็มีได้จริงบ้าง โดนโกงบ้าง ก็ถัว ๆ กันไป พอได้ ซึ่งน่าจะไม่มีแล้วใครรู้จักนี้ก็อายุไม่น้อยแล้ว แล้วก็น่าจะเชียวในวงการนี้พอสมควร)
เคยถึงขนาดไปเปิดเว็บปั่นหัวก้อย ก็หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ด้วยความที่เราไม่เก่งด้านคอมจริงจังสักเท่าไหร่ไม่เหมือนตอนนี้ที่ Up Level มาพอควรแล้วก็โดนแฮกไปจนหมดตัว สุดท้ายก็เริ่มหันมาทำแบบดี ๆ ดีกว่า สายดาร์กจะไม่ทำละ ก็เลยลองไปจดโดเมน ทำเว็บ เช่าโอส แล้วก็เอา Adsense ของ Google มาติด ก็ติดแบบไม่ได้คิดอะไร สุดท้ายติดไปติดมา ได้รับเช็คส่งมาที่บ้าน พ่อก็แปลกใจเฮ้ย ไอ้ลูกคนนี้มันได้เช็คอะไรมาจากสิงห์โปร์ว่ะ ก็เอาไปขึ้นที่ธนาคารใกล้บ้าน พนักงานก็ตกใจว่าเป็นเช็คจริงหรือเปล่าเพราะมาจากต่างประเทศเลยนะ และสมัยนั้นผมขึ้นได้ที่ธนาคารเดียวเท่านั้น เพราะเป็นธนาคารเดียวที่มีสาขาที่สิงห์โปร์ (ธ.กรุงเทพ) และใกล้บ้านที่สุด ตอนนั้นก็ได้เงินมา สองพันนิด ๆ หลังหักค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้ว ก็ดีใจเอามากมาย เพราะสามารถหาเงินได้จาก Internet หลังๆ ก็ทำมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย เพราะมีภาระกิจจะต้องไปทำงานเป็นครูในที่ไกลมาก ๆ แถมงานก็เยอะสุด ๆ หาเวลาทำไม่ได้ สำคัญสุด Internet ช้ามากกกกก เพราะใช้ Internet จากจานดาวเทียม (ไม่ใช่แบบที่คิดกันนะ ตอนนั้น Elon ยังไม่ได้ตั้งบริษัท Starlink)
พอเข้ารับราชการ ก็โดนบังคับให้เข้าทำ กบข. เพราะตอนนั้นเริ่มบรรจุปี 2545 แต่ กบข. เริ่มให้ข้าราชการเริ่มเป็นสมาชิกตั้งแต่ 2540 แล้ว และรุ่นผมก็ออกไม่ได้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เป็นสมาชิกมาเรื่อย ๆ จนเมื่อ Internet มันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนมีแอปและมีนโยบายให้สมาชิกเริ่มออมเพิ่ม มีการเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุนได้ และมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
กับช่วงนึงที่เริ่มมีการลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (ตลาดทุน) ก็มีซื้อหุ้นมาขายไป จับแนวทางไม่ได้ ชอบตัวไหนก็ซื้อตัวนั้น พอราคาดีก็ขายไป แต่ก็เคยซื้อหุ้นเอาไว้แบบยาว ๆ เลย เกือบ สิบปีคือหุ้น TFMAMA จนกำไรเกือบ 70% (ไม่ได้รวมปันผลนะครับ ถ้ารวมอาจจะมากกว่านี้) แต่ก็ต้องขายออกไปเพราะจะเอาเงินที่มีไปช่วยภรรยา ตอนนี้ก็แทบจะทิ้งตลาดไทยไปละ ไปเล่นหุ้นต่างประเทศแทน เพราะหุ้นไทยไม่ไปไหนเลย แต่ความจริงคือติดดอยสูงมากกกกก
ก็จะเห็นว่าผมมีประสบการณ์ที่พอจะเผื่อแผ่ให้กับทุกท่านได้แบบของจริง ลงทุนจริงได้เงินจริง และเสียเงินจริง ๆ เช่นกันนะ
“การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุน”
คำนี้คือเรื่องจริง คนที่เขียนคำนี้ เขาต้องการเตือนจริง ๆ นะครับ เพราะส่วนมากแล้วเข้าไปทึแรกจะมีการเสียเงินก่อน ซึ่งส่วนนี้หลายคนจะเรียกว่าค่าวิชา หลังจากนั้นก็จะมีคนอยู่สองกลุ่มด้วยกันคือเข้าใจละว่าการลงทุนคืออะไร ก็จะลงทุนต่อ กับ อีกกลุ่มนึงคือขยาดไปเลยไม่เอาแล้ว ลงทุนในหุ้นมีแต่เสียเงิน
High Risk High Return
คำนี้ก็เช่นกันนะครับ ยิ่งเสี่ยงมาก ก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนมาก แต่ในมุมมองกลับกัน เสี่ยงมากก็อาจจะไม่ได้รับอะไรกลับมาเลยก็ได้นะครับ
กับอยากเตือน นักอ่านทุกท่านนะครับ อันนี้ขอเล่าเป็นเรื่องแบบผ่าน ๆ ก็แล้วกันนะครับ ผมเคยเจอแก๊งที่บอกว่า พวกตนเองกำลังทำนั้น ทำนี่ ทำธุรกิจใหม่ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้มากมาย แต่ต้องหาคนมาสมัครนะ คนที่หาคนมาสมัครได้ก็จะได้เงินค่าคอม จากค่าสมัครอะไรแบบนี้ แล้วก็บอกว่าธุรกิจนี้เป็นการทำธุรกิจขายตรง ชวนคนมาลงทุน
แต่ แต่ แต่ ไม่มีของขาย หรือมีแต่ไม่เน้นขายของ เน้นหาสมาชิกมาสมัคร แล้วก็ชอบโฆษณาแบบมีภาพประกอบสวย ๆ งาม ๆ เป็นฝรั่งต่างชาติ ซึ่งก็คือใครก็ไม่รู้ บอกเดียวจะเอาเงินตรงนี้ไปลงทุน จะไปดีลกับธนาคารไทยหลาย ๆ ธนาคาร จะไปทำบัตรโน้นนีนั้น จะสามารถใช้บัตรพวกนี้ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในบ้านเรา แล้วจะงอกเงยอย่างงั้นอย่างงี้ สรุปสมาชิกจ่ายเงินไป แรกๆ ก็ได้เงินจริงแหละ แต่นานๆ ไปหัวหน้าแก๊งได้เงินไปพอแล้วก็หอบเงินหนีไป ทิ้งภาระให้คนชวน และคนที่จ่ายเงินเข้าร่วมเพราะหวังเงินผลตอบแทนที่โฆษณาก็เยอะ
แต่สำหรับ BLOG นี้บอกไว้ก่อนว่า ไม่ต้องโอนเงินให้ผมใด ๆ ทั้งสิ้น แค่แวะเวียนเข้ามาดู แล้วก็คอมเม้นต์ในเพจของผมก็ได้นะครับว่าไม่ได้ Update นานแล้ว ขยันเขียนหน่อยนะ และหลังจากที่ได้ความรู้ไปแล้ว คุณเอาไปทำเงินได้เท่าไหร่ ได้ผลประโยชน์เท่าไหร่ จะเอาไปทำบุญ เลี้ยงดูตนเอง บริจาค หรือทำอะไรก็แล้วแต่ทุกท่านเลยครับ ไม่ใช่ว่าผมมีเงินสบายแล้วนะครับ ก็ยังมีหนี้สิน ลำบากอยู่เหมือนเดิม แต่ก็แค่หวังแชร์ความรู้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็แล้วกันนะครับ (ขออีกอย่างนะครับ อย่าคัดลอกเอาไปนะครับ ถ้าคัดลอกไปผมจะไม่ทักไปก่อนนะครับ ผมจะขอดำเนินการตามกฎหมายแบบไม่มีการแจ้งเตือน แม้จะเป็นทางการศึกษาก็ตาม เพราะแต่ละเรื่องราวที่บรรจงเขียน แต่ละเรื่องใช้เวลายาวนานมาก อย่างเรื่องนี้กว่าจะได้ยาวขนาดนี้ ก็เกือบ 12 ชั่วโมง ปรับแก้ให้อ่านง่าย และให้เหมาะสมอยู่นานมาก สงสารมาอ่านที่เว็บนี้เป็นการให้กำลังใจผมก็ยังดีครับ อย่าเอาไปเลย เอาไปผมแช่งนะเอ่อ)
ปล. ผมไม่ได้เขียนบทความอะไรยาว ๆ แบบนี้มานานแล้ว ก็ขอพอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับมีเรื่องราวเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยเยอะมากมายที่อยากจะเขียน จะพยายามขุดเอามาให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ