การใช้เครื่องหมายบวก (+) เชื่อมคำ

โดยปกติ Google จะไม่ใส่ใจในในการค้นหาข้อมูลจากการพิมพ์ Keyword ประเภท Common Word( คำง่ายๆ ) เช่น at, with, on, what, when, where, how, the, to, of แต่เนื่องจากเป็นบางครั้งคำเหล่านี้เป็นคำสำคัญของประโยคที่ผู้ใช้จำเป็น ต้องค้นหา ดังนั้นเครื่องหมาย + จะช่วยเชื่อมคำ โดยมีเงื่อนไข ว่า ก่อนหน้าเครื่องหมาย + ต้องมี การเว้นวรรค 1 เคาะด้วย เช่น หากต้องการค้นหาเว็บไซต์เกี่ยวกับเกมส์ที่มีชื่อว่า Age of Empire ถ้าผู้ใช้พิมพ์ Keyword Age of Empire Google ก็จะทำการค้นหาแยกคำโดย ไม่สนใจคำว่า of และจะค้นหาคำว่า Age หรือ Empire เพียงสองคำ แต่ถ้าผู้ใช้ระบุว่า Age +of Empire Google จะทำการค้นหาทั้งคำว่า Age, of และ Empire

ตัดบางคำที่ไม่ต้องการค้นหาด้วยเครื่องหมายลบ ( – )

จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดเรื่องที่ผู้ใช้ไม่ต้องการ หรือไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เช่น ถ้าผู้ใช้ ต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการ ล่องแก่ง แต่ไม่ต้องการ การล่องแก่งที่เกี่ยวข้อง กับจังหวัดตาก ให้ผู้ใช้พิมพ์ Keyword ว่า ล่องแก่ง -ตาก (เช่นเดียวกับเครื่องหมาย + ต้องเว้นวรรคก่อนหน้าเครื่องหมายด้วย) Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการ ล่องแก่ง แต่ไม่มีจังหวัดตากเข้ามาเกี่ยวข้อง

การค้นหาด้วยเครื่องหมายคำพูด (“…”)

เหมาะสำหรับการค้นหาคำ Keyword ที่มีลักษณะเป็น ประโยควลีหรือกลุ่มคำ ที่ผู้ใช้ ต้องการให้แสดงผลทุกคำในประโยค โดยไม่แยกคำ เช่น ถ้าผู้ใช้ต้องการหาเว็บไซต์ เกี่ยวกับเพลงที่มีชื่อว่า If I Let You Go ให้พิมพ์ว่า ” If I Let You Go” Google จะทำการค้นหาประโยค ” If I Let You Go” ทั้งประโยคโดยไม่แยกคำค้นหา

ไม่ต้องใช้คำว่า ” AND” ในการแยกคำค้นหา

แต่เดิมการใช้ Keyword ที่มากกว่า 1 คำในการค้นหาเว็บไซต์แบบแยกคำ ผู้ใช้ จำเป็นต้องใช้ AND ในการแยกคำเหล่านั้น ปัจจุบันไม่ต้องใช้ AND แล้ว เพราะ Google จะทำการแยกคำให้โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ทำการเว้นวรรคคำเหล่านั้น เช่น ถ้า ผู้ใช้พิมพ์คำว่า Thai Travel Nature เมื่อคลิกปุ่มค้นหา ก็จะพบว่าในรายชื่อหรือ เนื้อหาของเว็บที่ปรากฏจะมีคำว่า Thai ,Travel และ Nature อยู่ในนั้นด้วย

การค้นหาด้วยคำว่า OR

เป็นการสั่งให้ Google ค้นหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เช่น ถ้าผู้ใช้ต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่ เกี่ยวกับ การล่องแก่ง ทั้งในจังหวัดตาก และปราจีนบุรี ให้ผู้ใช้พิมพ์ Keyword ว่า ล่อง แก่ง ตาก OR ปราจีนบุรี Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่งทั้งใน จังหวัดตาก และกาญจนบุรี 

Google จะไม่ใส่ใจใน Common Word

คำศัพท์พื้น ๆ อย่าง the, where, is, how, a, to และอื่นๆ รวมทั้งตัวเลขและตัวอักษร เดี่ยว ๆ Google มักไม่ให้ความสำคัญและใส่ใจที่จะค้นหาครับ เนื่องจากเครื่องมือที่ Google ใช้จัดเก็บและรวบรวมเว็บทั่วโลกจะค่อนข้างเสียเวลาในการเก็บรวบรวมเว็บที่มี คำเหล่านี้ (ซึ่งมีเยอะมากๆ) แต่ถ้าหากจำเป็น ผู้ใช้จะต้องใช้เครื่องหมาย ” + ” ในการ เชื่อมคำเหล่านี้ด้วย หรืออีกทางก็คือผู้ใช้อาจจะระบุคำที่ต้องค้นหาทั้งหมดในรูป ของวลีภายใต้เครื่องหมาย ” ……. “

การสืบค้นไฟล์เอกสาร

Google ค้นหาไฟล์ได้  Google สามารถค้นหาไฟล์เอกสารที่สำคัญๆ ได้ดังนี้ 

Adobe Portable Document Format ( ไฟล์นามสกุล . pdf) 

Adobe PostScript ( ไฟล์นามสกุล . ps) 

Lotus 1-2-3 ( ไฟล์นามสกุล . wk1, .wk2, .wk3, .wk4, .wk5, .wki, .wks และ . wku)

Lotus WordPro ( ไฟล์นามสกุล . lwp) 

MacWrite ( ไฟล์นามสกุล . mw) 

Microsoft Excel ( ไฟล์นามสกุล . xls) 

Microsoft PowerPoint ( ไฟล์นามสกุล . ppt) 

Microsoft Word ( ไฟล์นามสกุล . doc) 

Microsoft Works ( ไฟล์นามสกุล . wks, .wps, .wdb) 

Microsoft Write ( ไฟล์นามสกุล . wri)  Rich Text Format ( ไฟล์นามสกุล . rtf) 

Shockwave Flash ( ไฟล์นามสกุล . swf) 

Text ( ไฟล์นามสกุล . ans, .txt)  

รูปแบบของการค้นหาคือ ให้ผู้ใช้พิมพ์ “ชื่อเรื่องหรือชื่อเอกสาร” filetype: นามสกุลของ ไฟล์ ในช่อง Google ตัวอย่างเช่น “การเลี้ยงไก่” filetype:doc ซึ่งหมายถึง การ ค้นหาไฟล์เอกสารที่มีนามสกุล . doc เรื่อง การเลี้ยงไก่ นั่นเอง

การสืบค้นรูปภาพ

ขั้นตอนการสืบค้นรูปภาพด้วย Search Engine

1. ทำการเปิดเว็บไซต์ที่ให้บริการ http://www.google.co.th/

2. เลือกหัวข้อที่ต้องการค้น ในที่นี้จะเลือกหัวข้อ “รูปภาพ”

3. พิมพ์ keyword (ข้อความ) ที่ต้องการสืบค้นลงในช่อง text box

4. กดที่ปุ่ม “ค้นหา”

5. ระบบจะทำการค้นหารูปภาพที่ตรงกับ keyword ที่ต้องการ และแสดงรูปภาพที่ค้นหาพบ นอกจากนี้เรายังสามารถนำภาพที่เราต้องการหาความเหมือนลากมาใส่เพื่อค้นหาได้ทันที

Related Posts